|
|
ท่าคันโท
......จุลศักราช 1229 ปีเถาะ นพศก (พ.ศ.2410) พระยาไชยสุนทร (กิ่ง)
กราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ขอตั้งบ้านโคกกำพันลำ
ต.ภูคนโท (ดงเข้ากรรม หรือบ้านโนนมะค่า หมู่ที่ 3 ต.กุงเก่า ในปัจจุบัน)
เป็นเมืองของท้าวแสนบุตรอุปฮาดเกษ เป็นเจ้าเมือง ทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ
ตั้งเมืองโคกกำพันลำ เป็นเมืองสหัสขันธ์ ให้ท้าวแสน เป็นพระประชาชนบาล
เจ้าเมืองให้ท้าวพรหม เป็นอุปฮาด ให้ท้าวคำไกยน้องพระประชาชนบาล (แสน)
เป็นราชวงษ์ ให้ท้าวแสงเป็นราชบุตร ขึ้นกับเมืองกาฬสินธุ์
อำเภอท่าคันโท เป็นชุมชนที่มีประวัติยาวนาน เป็นชุมชนย่อยที่อยู่กันเป็นกลุ่มๆ
ตามลำน้ำปาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณบ้านโนนมะค่า ซึ่งต่อมาขยายใหญ่ขึ้นจนกลายเป็นเมืองชื่อว่า
" อัตขันธ์ " เมืองอัตขันธ์ขึ้นการปกครองกับมณฑลร้อยเอ็ด
ซึ่งหลวงสหัสนิกาย (แท่ง วิชัยพล) ปกครองเมือง ต่อมาที่ตั้งของเมืองใต้
ย้ายไปที่บ้านท่าเมือง (ตำบลท่าคันโทในปัจจุบัน) หลังจากนั้นได้ยุบรวมกับเมืองแซงบาดาล
ย้ายที่ตั้งไปที่บ้านโพนและเปลี่ยนชื่อเมืองเป็น " สหัสขันธ์"
ซึ่งต่อมาได้ย้ายเมืองไปตั้งที่ตำบลโพนศิลา (เขตอำเภอสหัสขันธ์ในปัจจุบัน)
เมื่อประมาณ พ.ศ.2459 |
.....บ้านท่าคันโท เมื่อได้จัดตั้งเป็นหมู่บ้านตามลักษณะปกครองท้องที่และมีฐานะเป็นตำบลด้วย
เรียกว่า ตำบลท่าคันโท ขึ้นกับอำเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ประกอบด้วย
หมู่บ้านในขณะนั้น 10 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านท่าคันโท บ้านนาตาล บ้านยางอู้ม
บ้านท่าเมือง บ้านโนนมะค่า บ้านกุดขอนแก่น บ้านสร้างแก้ว บ้านกุงเก่า
บ้านกุดจิก
ตำบลท่าคันโทได้รับการจัดตั้งเป็นกิ่งอำเภอ (กรณีพิเศษ) เมื่อวันที่
1 ตุลาคม 2505 ประกอบด้วย ตำบล 2 ตำบล คือ ตำบลท่าคันโท และตำบลโคกเครือ
และได้รับการประกาศยกฐานะขึ้นเป็นอำเภอ เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2508
.....ในช่วงของการเกิดความขัดแย้งในชาติ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยได้ใช้พื้นที่ของอำเภอท่าคันโท
เป็นเขตปฏิบัติการในการฝึกทหาร หาเสบียง และการปฏิบัติการด้านการทหาร
โดยใช้พื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติดงมูลบริเวณภูโนเป็นเขตปฏิบัติการ
ด้านทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญของอำเภอ
.....1. ทรัพยากรดิน สภาพดินโดยทั่วไปเป็นดินร่วมปนทราย ไม่ค่อยอุ้มน้ำ
บางแห่งเป็นดินลูกรัง
.....2. ทรัพยากรน้ำ สำหรับลำน้ำปาว ซึ่งเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ ราษฎรได้ประโยชน์โดยตรงในการจับสัตว์น้ำ
เพื่อบริโภค .....และจำหน่าย เป็นรายได้เสริมเข้าครัวเรือน |
|
|
วนอุทยานแห่งชาติภูพระ |
|
ข้อมูลทั่วไป
วนอุทยานภูพระ อยู่ในท้องที่ตำบลท่าคันโท ตำบลยางอุ้ม อำเภอท่าคันโท
จังหวัดกาฬสินธ์ อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงมูล อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอท่าคันโทประมาณ
4 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 6,200 ไร่ โดยกรมป่าไม้ได้ประกาศจัดตั้งเป็นวนอุทยานเมื่อวันที่
1 ตุลาคม 2526
ลักษณะภูมิประเทศ
เป็นภูเขาเตี้ยๆมีพื้นที่ราบภูเขาเป็นบางแห่ง บางแห่งเป็นหน้าผาที่มีความลาดชันสูง
มีแหล่งน้ำธรรมชาติไหลรินอยู่ตลอดเวลา มีหินโผล่และลานหินสูงต่ำ
พืชพรรณและสัตว์ป่า
ป่าเต็งรัง มีพื้นที่ป่ามากที่สุดประมาณ 50 % ของพื้นที่ทั้งหมด
มีไม้แคระแกร็นขนาดเล็กขึ้นอยู่ พันธุ์ไม้ที่พบได้แก่ เต็ง รัง พลวง
แดง |
ป่าดิบแล้ง
ส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณริมห้วยมีประมาณ 25 % ป่ามีสภาพแคระแกร็น
พันธุ์ไม้ที่พบได้แก่ ตะเคียนทอง แดง ประดู่ ตะแบกใหญ่ ป่าเบญจพรรณ
แทรกอยู่ระหว่างป่าเต็งรังกับป่าดิบแล้ง มีประมาณ 25 % มีไม้พื้นล่างได้แก่
เถาวัลย์ชนิดต่างๆซึ่งขึ้นอยู่ทั่วไป สัตว์ป่าที่พบได้แก่ หมูป่า ลิง
ค่าง บ่าง กระรอก กระแต ไก่ป่า อีเห็น กิ้งก่า พังพอน งู ตะกวด
สถานที่ติดต่อ
วนอุทยานภูพระ ต.ท่าคันโท อ. ท่าคันโท จ. กาฬสินธุ์ 46190 โทรศัพท์
0 4334 3411
การเดินทาง
รถยนต์ ทางหลวงจากอำเภอกระนวน จังหวัดขอนแก่น ไปอำเภอท่าคันโทถึง วนอุทยานภูพระระยะทางประมาณ
44 กิโลเมตร ทางหลวงจากอำเภอยางตราด จังหวัดกาฬสินธ์ ผ่านอำเภอห้วยมวกเหล็กและอำเภอกรุงศรี
ผ่านหมู่บ้านหนองแซง อำเภอท่าคันโทถึงวนอุทยานภูพระระยะทางประมาณ 65
กิโลเมตร ทางหลวงสายอำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่นผ่านอำเภอท่าคันโทถึงวนอุทยานภูพระระยะทางประมาณ
75 กิโลเมตร |